e-Lerning YRU : ระบบจัดการเรียนการสอนแบบอีเลิร์นนิ่ง มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา

RSS
ออกพื้นที่ สถาบันปอเนาะมะฮัดดารุลเราะห์มะห์
เลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้
โดย นายอุดมชัย พรหมมา 635391173 - Tuesday, 13 December 2011, 11:06AM
บุคคลทั่วไป

"คนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่สามารถเลือกเป็นอะไรก็ได้ ขอแค่มีความมุ่งมั่น อะไรที่คุณกลัวอย่าไปกลัว ให้เดินเข้าหามันเลย"

จบ ป.5 เป็นเจ้าของโชว์รูมโตโยต้า ใหญ่ที่สุดในเอเชีย

ท่าม กลางวิกฤตของแบรนด์ โตโยต้า ทั่วโลกที่ต้องเรียกคืนรถยนต์หลายรุ่นนับล้านคันมาแก้ไขข้อบกพร่อง แต่ที่ประเทศไทย โตโยต้า ยังครองยอดขายอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะ โตโยต้าดีเยี่ยม อุบลราชธานี ของเสี่ย สมชาย เหล่าสายเชื้อ เจ้าของโชว์รูมใหญ่ที่สุดในเอเชีย เบื้องหลังความสำเร็จ หนุ่มเมืองจันท์ แห่ง ฟาสต์   ฟู้ดธุรกิจ (คอลัมภ์นิสต์)จะเล่าให้ฟัง
"หนุ่มเมืองจันท์" เล่าว่า ผมเพิ่งกลับจากงาน "MICT สร้างคน สร้างชาติ" ที่จังหวัดอุบลราชธานี
ผมคุยกับ "สมชาย เหล่าสายเชื้อ" เจ้าของ "โตโยต้าดีเยี่ยม" ดีลเลอร์ขายรถโตโยต้ารายใหญ่ของอุบลราชธานี
บอกตรงๆ ว่าไม่รู้จัก ตอนอ่านข้อมูลของ "สมชาย" ที่ทีมงานส่งมาให้ก็เริ่มสนใจมากขึ้น แต่พอได้เจอตัวจริง ยิ่งคุยยิ่งตะลึง
"โตโยต้าดีเยี่ยมเป็นโชว์รูมของโตโยต้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 22 ไร่เศษ ใช้เงินลงทุนกว่า 800 ล้านบาท และกำลังขยายไปอีก 60 ไร่ 
แต่ความยิ่งใหญ่ของ "โชว์รูม" นั้นไม่เท่ากับชีวิตของ "สมชาย"
ผม ชอบประโยคหนึ่งที่เขาบอกกับคณะกรรมการของ "โตโยต้า" ในช่วงการสัมภาษณ์ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการตัดสินว่าจะอนุมัติให้ "สมชาย" เป็น "ดีลเลอร์" ขายรถโตโยต้าหรือไม่

"ผมไม่มีอะไรที่เหนือกว่าคนอื่น ผมมีเพียงแค่ใจที่เหนือคน"

"ขนาดหัวใจ" ของ "สมชาย" คนนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ ครับ
"สมชายจบแค่ ป.5

ตอนเรียนนั้น เขามีคุณสมบัติพิเศษเหนือกว่าเด็กนักเรียนคนอื่นตรงที่เรียนชั้นละ2ปีจนถึง ป.5ครูประจำชั้นทนไม่ได้ ต้องแอบเอาข้อสอบมาให้ที่บ้านกลัวว่าเขาจะสอบตก
"สมชาย" ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน ไปทำงานตามร้านขายของชำ ขายหนังสือพิมพ์ ฯลฯ
ทำทุกอย่างที่ได้เงิน
เขาเป็นคนสู้งาน ทำงานที่ไหนเถ้าแก่ก็รัก
วันหนึ่ง เขาไปทำงานที่บริษัทเสริมสุข ส่ง "เป๊ปซี่" ตามร้านต่างๆ ในจังหวัดอุบลฯ
ทำงานไม่กี่เดือน เขาก็ได้เป็น "พนักงานขายดีเด่น" ที่ทำยอดขายสูงสุดในประเทศไทย 1,200 กว่าลังต่อวัน

จำนวนลังที่ขายได้ต่อวันมากกว่าปริมาณที่รถจะบรรทุกได้
ครับ เขาขาย 2 รอบ
เคล็ดลับการขายของ "สมชาย" ก็คือ ออกรถเช้ากว่าคนอื่น

เขาออกรถตั้งแต่ตีห้า 11โมงเขาก็ขายหมด

กลับมาบรรทุก "เป๊ปซี่" ใหม่อีกเที่ยวหนึ่ง แล้วตระเวนไปตามร้านอื่นๆ ต่อ
"ผมไม่ได้ขายแค่ร้านริมถนน แต่ในซอย หรือตามบ้าน ผมก็ส่ง"


ปีผ่านไป เขาก็ยังรักษาสถิตินักขายดีเด่นเอาไว้ได้
ซึ่งตามหลักเขาควรจะได้รับการโปรโมตในตำแหน่งที่สูงขึ้น
แต่ "สมชาย" ไม่ได้ ด้วยเหตุผลว่าตำแหน่งผู้จัดการนั้นต้องมีอายุ 36 ปีขึ้นไป
"สมชาย" ตัดสินใจลาออก
และเดินตามความฝันในวัยเด็กของเขา
เขาชอบ "รถยนต์"
"สมชาย" เดินไปสมัครงานที่ "โตโยต้าอุบลราชธานี" ดีลเลอร์ขายรถโตโยต้าเก่าแก่ในเมืองอุบลฯ
คำถามแรกที่เจอก็คือ "จบอะไรมา"
พอบอกว่า ป.5
เถ้าแก่ก็ปฏิเสธ
"ตอนนี้เขารับแต่ ปริญญาตรี หรือ ปวส."
"สมชาย" รู้ว่าคุณสมบัติสู้ไม่ได้ เขาจึงยื่นข้อเสนอใหม่
เป็นข้อเสนอแบบ 
"ก๊อดฟาเธอร์"
"นี่คือ ข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้"

"ก๊อดฟาเธอร์" นั้นใช้บารมีหรือความเหี้ยมโหดทำให้คนฟังต้องสยบยอม
แต่ข้อเสนอของ "สมชาย" เป็นข้อเสนอที่คนฟังไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร


ข้อเสนอของเขามี 3 ข้อครับ

1.ทำงานอะไรก็ได้
2.เงินเดือนเท่าไรก็ได้  และ

3.ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด 



"คุณจะรู้สึกอย่างไร ถ้ามีคนเสนอเงื่อนไขแบบนี้"
 คุณสมชายถามผมบนเวที
...ทำงานอะไรก็ได้ เงินเดือนเท่าไรก็ได้ และทำงานไม่มีวันหยุด
"แบบนี้ต้องมาปล้นแน่ๆ เลย" ผมตอบ
...มุข ครับ มุข

"เถ้าแก่คนไหนเจอคนมาสมัครงานแล้วเสนอเงื่อนไขแบบนี้ อย่างน้อยเขาก็ต้องรู้สึกว่าไอ้เด็กคนนี้มันต้องขยัน และตั้งใจจริงอย่างแน่นอน
นั่นคือ เหตุผลที่ "เถ้าแก่" ตัดสินใจรับ "สมชาย" เข้าทำงาน

เริ่มต้นงานแรกด้วยการปัดกวาดรถและทำทุกอย่างที่ "เถ้าแก่" ใช้
จนวันหนึ่ง "เถ้าแก่" สั่งให้เขาไปส่งรถให้ลูกค้าที่ยโสธร
ให้เงินไป 30 บาท
ชั่วโมงหลังจากนั้นเขากลับมาพร้อมกับตังค์ทอน 13 บาท
ขับรถไปส่ง และนั่งรถโดยสารกลับมา
ไม่อู้ และซื่อสัตย์
เมื่อ โชว์รูมที่ยโสธรมีปัญหา "เถ้าแก่" จึงส่ง "สมชาย" ไปดูแล
เดือนแรกเขาขายไม่ได้เลยสักคันเดียว
แต่สิ่งหนึ่งที่ "สมชาย" ค้นพบก็คือ คนที่มีรถเก่า ส่วนใหญ่อยากซื้อรถคันใหม่ แต่จะซื้อได้ก็ต้องขายรถเก่าให้ได้ก่อน
"สมชาย" จึงใช้กลยุทธ์หาพ่อค้ารถมือสองมารับซื้อรถ
พอขายรถเก่าได้ เขาก็จะมาซื้อรถใหม่กับ "สมชาย"
ยอดขายรถโตโยต้าที่ยโสธรพุ่งขึ้นเรื่อยๆ
สิ้นปี "เถ้าแก่" จัดงานปีใหม่ และบอกกับพนักงานทุกคนว่าสาขาอุบลฯ นั้นอยู่รอดได้เพราะสาขายโสธร
"หนู" ช่วย "ราชสีห์"
"สมชาย" ทำงานที่ "โตโยต้าอุบลฯ" 15 ปี
เมื่อ "เถ้าแก่" เสียชีวิต เขาก็ตัดสินใจลาออก
เลิกเป็น "ลูกจ้าง" และเริ่มต้นชีวิต "เถ้าแก่" ตั้งแต่วันนั้น
เชื่อไหมครับว่าวันเปิดโชว์รูม "โตโยต้าดีเยี่ยม" เขาส่งจดหมายไปถึงผู้มีพระคุณ 5คน

ขอเชิญมาร่วมงาน พร้อมกับ "ของขวัญ" ที่แทน "คำขอบคุณ"
เชิญเลือกรถโตโยต้า 1 คัน
รุ่นไหนก็ได้ เลือกได้เลย


"น้ำใจ" ที่ยิ่งใหญ่ของ "สมชาย" กลับได้รับ "คำตอบ" ที่งดงามยิ่งกว่า
-----
ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ 12 ก.พ.53 

สัมภาษณ์พิเศษ
กอง บ.ก.เส้นทางเศรษฐี


เซลส์ดีเด่น 
เดินหน้าล่าฝัน


"ผม เป็นคนเรียนเก่งมาก คือเรียนชั้นละ 2 ปี" คุณสมชาย เปิดประเด็นด้วยการยิงมุขเรียกเสียงหัวเราะ ก่อนเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาแบบเปิดเผยว่า ตัวเขาความจำไม่ค่อยดี ลักษณะเหมือนคนความจำสั้น เรียนได้ไม่เกิน 10 นาที เริ่มรู้สึกเบลอคล้ายมีอาการผิดปกติทางสมอง เวลาสอบไล่ทีไร มักได้ลำดับบ๊วยอยู่เสมอ หรืออาจได้รองบ๊วยบ้าง ถ้าเทอมนั้นมีคนขาดสอบ 
แต่ด้วยความที่ไม่เป็นเด็กเกเร คุณครูจึงเมตตานำข้อสอบมาให้ทำถึงที่บ้าน ไม่อย่างนั้นคงไม่จบ ป.5
เมื่อค้นพบว่าการเอาดีทางเรียนหนังสือคงลำบาก จึงตัดสินใจยุติการเรียนในระบบแล้วออกมาหางานทำ...ทำงานสุจริตทุกอย่างที่ได้เงิน 
"ขาย มาแล้วแทบทุกอย่าง ตั้งแต่ หัวอาหารสัตว์ ยาปราบศัตรูพืช ปุ๋ย ปลาร้า ยาเส้น หนังสือพิมพ์ กระทั่งน้ำอัดลม" คุณสมชาย เล่าด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ก่อนให้ข้อมูลน่าสนใจว่า ช่วงที่เขาทำงานอยู่กับ "เป๊ปซี่" ส่งสินค้าให้ตามร้านค้าในตัวจังหวัดอุบลราชธานีนั้น เคยได้รับรางวัลเป็นพนักงานขายดีเด่น ทำยอดขายได้มากที่สุดถึง1,222 ลัง ต่อวัน 
คู่สนทนาแทบตกเก้าอี้ เมื่อได้ยินสถิติของยอดขายดังกล่าว จึงถามไถ่ถึงเทคนิคส่วนตัว คุณสมชาย จึงบรรยายให้เห็นภาพที่ดูเหมือนง่ายว่า 
"อาศัย ตื่นเช้าและกลับดึก การออกจากบ้านแต่เช้าทำให้มีโอกาสไปไกลกว่า และสามารถเพิ่มรอบการทำงานได้มากกว่าคนอื่น และต้องไม่มองว่าร้านนี้ซื้อเท่าไหร่ ผมขายให้หมด 10 ลังก็ขาย ครึ่งลังก็ขาย เวลาผ่านไปร้านไหน ต้องเข้าไปสวัสดีครับ เป๊ปซี่มาเยี่ยมครับ ทำอย่างนี้ทุกร้านต้องขายได้ทุกร้าน คนอื่นเขาอาจไปเยี่ยม50-60 ราย ต่อวัน แต่ผมต้องเยี่ยมให้ได้ 300-400 ราย ต่อวัน"
คุณสมชายเป็นพนักงานขายดีเด่น ติดต่อกันนาน 3 ปี จึงตัดสินใจลาออก เพื่อ "ล่าฝัน" ครั้งยังเยาว์ 

"เป็นความฝันตั้งแต่เป็นเด็กว่าอยากเป็นเจ้าของบริษัทรถยนต์
 เคยไปเกาะกระจกโชว์รูม แล้วคิดว่า จะทำอย่างไรถึงจะได้เป็น จนเข้ากรุงเทพฯ เห็นแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้าเต็มไปหมด เลยวิเคราะห์เองว่ารถแท็กซี่ต้องวิ่งวันละ 24 ชั่วโมง รถจึงต้องทนทาน ถ้าได้เป็นตัวแทนของโตโยต้า คงทำงานไม่ยาก เพราะผลิตภัณฑ์เขาดี"เจ้าของเรื่องราว เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มธุรกิจในฝัน 
และ ก่อนก้าวขึ้นเป็นตัวแทนจำหน่าย คุณสมชายเคยทำงานเป็นเซลส์ขายรถยนต์โตโยต้าประจำดีลเลอร์แห่งหนึ่งในจังหวัด อุบลราชธานีมาก่อน แต่กว่าจะได้เข้ามาจับงานขาย ด้วยความที่จบเพียงชั้น ป.เขาจึงต้องเริ่มต้นด้วยการทำหน้าที่ปัดกวาดและทำงานทุกอย่างตามแต่เถ้าแก่ บัญชาเสียก่อน 
ครั้นเมื่อวันเวลาผ่านไปได้ราว 15 ปี เขาจึงมีโอกาสผงาดขึ้นเป็น "เถ้าแก่" เองบ้าง
"พอ ถึงวันที่ทำได้อย่างฝัน เลยใส่ทุกอย่างเข้าไปเต็มที่ โชว์รูมของผม มีร้านอาหาร ห้องรับรอง ร้านเสริมสวย ร้านกาแฟ คาราโอเกะ เรียกว่าครบวงจร แต่เดิมมีพื้นที่22 ไร่เศษ ลงทุนไป 800 ล้านบาท และตอนนี้กำลังขยายไปอีก 60 ไร่"คุณสมชาย เล่าน้ำเสียงไม่โอ้อวด แต่ท้าทายต่อว่า 

"ถ้าใครเจอโชว์รูมหรือศูนย์บริการที่ไหนดีกว่าของผม ผมให้แสนนึงเลย"

ดีเยี่ยม ไม่เป็นรอง
ที่หนึ่ง...เท่านั้น


ความมั่นใจว่าอาณาจักรของเขา "ดีเยี่ยม" ไม่เป็นรองใครนั้น คุณสมชายมีข้อมูลมายืนยัน โดยแจงให้ฟังดังตัวอย่าง
"ลูกค้า ที่มาซื้อรถที่ดีเยี่ยม จะรู้สึกเหมือนไปซื้อรถที่ห้างสยามพารากอน เพราะผมสร้างโชว์รูม ที่หรูหรา สง่างาม แค่เดินผ่านห้องน้ำ ฝาชักโครกยกขึ้นอัตโนมัติ น้ำไหลใส่มือไม่ต้องบิด ทุกอย่างอัตโนมัติหมด"

"โต โยต้าดีเยี่ยมไม่ได้ขายรถถูกกว่าตัวแทนจำหน่ายอื่น แต่ลูกค้าประทับใจในบริการ พอมาจอดรถปั๊บ เจ้าหน้าที่จะประกาศว่าขณะนี้มีลูกค้าท่านนั้นท่านนี้มาออกรถใหม่ ขอให้พนักงานทุกคนที่ว่างเว้นจากการทำงานมาร่วมพิธีส่งมอบรถ ซึ่งมีพนักงานมาร่วมส่งเป็นร้อยครับ"
 คุณสมชาย เล่าจบประโยคนี้ มีปฏิกิริยาตื่นเต้นจากคนฟังในวันนั้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนสำทับถึงความดีเยี่ยมในแบบของเขาต่อว่า

"ลูกค้า ที่มาซื้อรถ ต้องรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของโชว์รูมมูลค่านับพันล้านบาทที่เปิด365 วัน จะมาเมื่อไหร่ก็ได้ มีคาราโอเกะ ร้านเสริมสวย ไว้คอยให้บริการฟรีหมด เขาต้องรู้สึกว่าเสียเงินซื้อรถแล้วคุ้มค่า แล้วเวลาลูกค้าเข้ามาหาโชว์รูม ไม่ต้องเดินนะครับ มีรถกอล์ฟพาเที่ยวชมแต่ละจุด เรียกว่าลูกค้าทุกคนเป็นวีไอพีเหมือนกันหมด"

สนทนา มาถึงตรงนี้มีคำถามทำไมต้องใช้คำว่า "ดีเยี่ยม" เจ้าของกิจการมูลค่าพันล้านบาท จึงอธิบายด้วยเสียงดังฟังชัดว่า เป็นความตั้งใจจริงของเขาที่ต้องการอยู่ใน"อันดับหนึ่ง" เท่านั้น ทั้งๆ ที่สมัยเรียนหนังสือเขาครองอันดับบ๊วยมาตลอด 

"ตอน เปิดบริษัท มีการมอบนโยบาย ผมบอกกับลูกน้องว่า ต้องการที่หนึ่งอย่างเดียว ที่สองก็ไม่เอา ปรากฏว่าทุกคนในบริษัทออกอาการมึนงง และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะในประเทศไทยมีตัวแทนจำหน่ายโตโยต้าถึง 200 กว่าแห่ง"


"แต่ ผมก็ฝ่าฟันจากอันดับ 80 กว่ามาเป็น 50 กว่า เดี๋ยวนี้ขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งแล้ว หมายความว่าความพึงพอใจจากลูกค้าของผมมาเป็นอันดับหนึ่งครับ" คุณสมชาย เล่าก่อนยิ้มปลื้ม
ถาม ไถ่ถึงหลักในการบริหารคน คุณสมชายบอกเขามักพูดคุยให้คนที่เข้ามาสมัครเข้าทำงานเข้าใจว่า ชีวิตของทุกคนมีคุณค่าเหมือนกัน เมื่อเข้ามาแล้วทุกคนจะเป็นทั้งลูก ทั้งน้อง ซึ่งได้รับการดูแลอย่างดี แต่ทุกคนต้องตั้งใจทำงานด้วย 

"ผม บอกลูกน้องเสมอว่าคนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่สามารถเลือกเป็นอะไรก็ได้ ขอแค่มีความมุ่งมั่น อะไรที่คุณกลัวอย่าไปกลัว ให้เดินเข้าหามันเลย"


"มี ช่างคนหนึ่งมาปรึกษาผม บอกทำงานอยู่ 3 ปี อยากเป็นเซลส์แต่ทำไม่ได้ ผมบอกยังไม่ลอง แล้วรู้ได้ยังไงว่าทำไม่ได้ ปรากฏเดือนแรกเขาขายได้ 22 คัน เดือนที่สองได้อีก เดือนที่สามก็ได้อีก เทคนิคที่ผมบอกเขาไปคือคุณต้องฉกฉวยโอกาส มาถึงแต่เช้า เที่ยงไม่กิน เย็นเพื่อนเลิกงานแล้ว ก็ยังไม่กลับรอจนค่ำมืด สุดท้ายช่างคนนั้นกลายเป็นท็อปเซลส์ไปเลย" คุณสมชาย เล่าให้ฟัง 
ฉกฉวยทุกโอกาส 
เชื่อมั่น ทำได้ 
บุคลิก โดดเด่นของนักธุรกิจพันล้านท่านนี้ที่มีการกล่าวขานกันมากในหมู่ผู้ใกล้ชิด นั่นคือการใส่ใจในรายละเอียด โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับ "คนรอบตัว" ในทุกระดับ 


ยก ตัวอย่างเมื่อครั้งการก่อสร้างโชว์รูมใหญ่ที่สุดในเอเชียใกล้เสร็จ เขาถือโอกาสเชิญช่างอิฐ-หิน-ปูน-ทราย รวมถึงผู้รับเหมาทุกคนมารับเลี้ยงโต๊ะจีน เพื่อแทนคำขอบคุณที่ทุกคนมาช่วยสร้างให้ฝันของเขาเป็นจริง
"ผม บอกกับช่างทุกคนว่า หากไม่มีพวกท่านโชว์รูมของผมคงไม่มีทางสำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง ก่อนจะออกใบประกาศให้พวกเขาเก็บไว้เป็นที่ระลึก หากวันไหนมีโอกาสผ่านไปมา สามารถเข้ามาเยี่ยมเยียนใช้บริการได้ทุกเวลา"

"ปรากฏช่างคนหนึ่งซาบซึ้งใจ อยากอุดหนุนผม จึงขอจองรถ 1 คัน กระทั่งจบงานเลี้ยง ผมขายรถให้กับผู้รับเหมาได้ทั้งหมด 55 คัน"
 คุณสมชาย เล่าเหมือนไม่ตื่นเต้น แต่ทำเอาคู่สนทนาตกใจแทบจะพลัดตกจากเก้าอี้เป็นครั้งที่สอง 
ความ ละเอียดอ่อนของคุณสมชาย ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะช่วงเวลาที่เขากำลังมีความสุขกับอาณาจักรตรงหน้า แต่เขาก็ไม่เคยละเลย ระลึกถึง "ผู้มีพระคุณ" ซึ่งมีส่วนผลักดันให้เขาก้าวมาถึงฝั่งฝันดังเช่นทุกวันนี้ 

"ตอน จะเปิดโชว์รูมผมส่งจดหมายไปยังผู้มีพระคุณหลายๆ ท่าน ขอให้สละเวลามาเลือกรถไปใช้ตามชอบ โดยผมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง แต่ทุกท่านไม่ขอรับ ให้เหตุผลกลับมาว่า ให้ผมเก็บเอาไว้ทำทุน"

"ช่วง ปีใหม่ผมจึงนำเงินสด 2 ล้านบาท ไปมอบให้กับพวกท่านอีก คราวนี้ทุกท่านรับไว้ แต่พอถึงเทศกาลตรุษจีน พวกท่านก็นำเงินก้อนนั้นกลับมามอบให้ผมเป็นแต๊ะเอีย" คุณสมชาย เล่า 
ย้อน ถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งต้องฝ่าฟันมรสุม "ต้มยำกุ้ง" เมื่อครั้งปี 2540 คุณสมชาย ย้อนความทรงจำให้ฟังว่า ช่วงเวลานั้นสถาบันการเงิน 65 แห่งต้องปิดตัวลง นักธุรกิจแทบทุกวงการ ล้วนตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ไม่เว้นแม้แต่ตัวเขา แต่หากมัวพร่ำบ่นว่าแย่ คงหมดกำลังใจไปนานแล้ว 

"ผม ไม่เคยท้อ เพราะท้อแล้วไม่มีประโยชน์ ท้อแล้วมันทำให้หมดกำลังใจ เราต้องรีบอาบน้ำ แล้วเติมกำลังใจให้ตัวเองใหม่ เพราะคนเราขาดกำลังใจไม่ได้ ปัญหาคือความสำเร็จปลอมตัวมาทดสอบเรา เหมือนข้อสอบ"
 คุณสมชาย บอกจริงจัง ก่อนเผยกลยุทธ์เมื่อครั้งนั้น

"ช่วง เศรษฐกิจไม่ดี หลายคนคิดว่าไม่มีโอกาสเพราะตลาดเต็ม แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น กลับกันคือ ต้องเร่งขยายงาน เพราะคู่แข่งก็คือคู่แข่งอยู่ดี จึงต้องแตกต่างทำงานให้มากกว่าคนอื่น เมื่อมีคนตกงานมาสมัครงานกันมาก เลยสามารถคัดคนได้" คุณสมชาย เล่า ก่อนฝากมุมมองไว้ด้วยว่า คนที่ประสบความสำเร็จมักฉกฉวยโอกาสจากโชคร้าย แต่คนที่ประสบความสำเร็จมากกว่าจะฉกฉวยในทุกโอกาส

แม้ จะจบการศึกษาในระบบเพียงแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หากแต่ว่ามาวันนี้ กลับได้เป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่โตไม่น้อยหน้าใคร คงมีใครหลายคนตั้งคำถามถึงเคล็ดลับในการทำงาน ซึ่งคุณสมชายมักแนะนำให้คนเหล่านั้นจุด "ไม้ขีดไฟ" ก้านแรกให้กับชีวิตของตัวเองเสียก่อน และต้องมีความเชื่อมั่นว่าหากคนอื่นทำได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนอย่างเราทำไม่ได้ จากนั้นจึงลงมือปฏิบัติทันที

"ผม มักบอกทุกคนว่าไม่มีใครชอบให้คนอื่นมาดูถูก แต่เราอย่าดูถูกตัวเอง ต้องบอกกับตัวเองว่าเราเป็นคนมีศักยภาพ พ่อแม่ยังรอความหวังจากเรา ญาติพี่น้องยังรอความหวังจากเรา"


"ถ้า เราไม่จุดไม้ขีดไฟชีวิตตอนนี้ หรือไม่ปรับปรุงตัวให้มีความแตกต่างจากคนอื่น ปีหนึ่งๆ มีคนจบปริญญาตรี 600,000 คน ที่พร้อมจะมาเป็นคู่แข่ง ฉะนั้น คุณต้องถีบตัวเอง ไม่มีใครเขาสร้างบริษัทมูลค่าร้อยล้านพันล้านบาท เพื่อรอให้คุณทำงานให้เรื่อยๆ เฉื่อยๆ หรอก"


"คน ที่รู้จักใช้เวลา คือคนที่รู้จักใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพราะเวลามันผ่านแล้วผ่านเลย ย้อนกลับมาไม่ได้ กลับมาเถิดวันวานมีแต่เสียงเพลง ชีวิตจริงมันไม่มีหรอกครับ"
 คุณสมชาย ฝากแง่คิดทิ้งท้ายอย่างนั้น

Aj. Yapar Cheni
สวัสดีทุกคน
โดย อาจารย์ยะพา เจะนิ ผู้สอน - Tuesday, 18 January 2011, 10:57AM
บุคคลทั่วไป

ยินดี น.ศ. ทุกคนเข้ามาคุยกับอาจารย์ และสอบถามบทเรียนและงานต่าง ๆ ที่ได้มอบหมายไว้ ด้วยความยินดี ขอบคุณ

ตำแหน่งรักษาการหัวหน้างานบริการและฝึกอบรม
ประชาสัมพันธ์โครงการฝึกอบรม
โดย ฟาติน สะนิ - Tuesday, 18 January 2011, 10:57AM
บุคคลทั่วไป

ยิ้ม ประชาสัมพันธ์โครงการฝึกอบรมสำหรับบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา

สนใจติดต่อได้ที่งานบริการและฝึกอบรมศูนย์คอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา (ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2554) โทรภายใน 9704, มือถือ 087-2929139

ภาพประกอบประวัติ
Wiki สารานุกรมเสรีออนไลน์ : แหล่งทรัพยากรการเรียนการสอนในระบบอีเลิร์นนิ่ง
บุคคลทั่วไป

Wiki คืออะไร

· ความหมายของ Wiki

วิกิ หรือ วิกี้ ( wiki ) คือ ลักษณะของเว็บไซต์แบบหนึ่ง ที่อนุญาต ให้ผู้ใช้ เพิ่มและแก้ไขเนื้อหาได้โดยง่าย ซึ่งบางครั้งไม่จำเป็นต้องการลงทะเบียนเพื่อแก้ไข ด้วยความง่ายในการแก้ไขและโต้ตอบ วิกิเว็บไซต์มักจะถูกนำมาใช้ในการร่วมเขียนบทความ คำว่า "วิกิ" นี้ยังรวมหมายถึงวิกิซอฟต์แวร์ ซึ่งทำหน้าที่รองรับการทำงานในลักษณะให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์ร่วมสร้างและแก้ไขเนื้อหาในเว็บไซต์อีกด้วย ตัวอย่างเช่น เว็บสารานุกรมออนไลน์ วิกิพีเดีย ( www.wikipedia.org) ซึ่งใช้ซอฟต์แวร์ MediaWiki ( www. mediawiki.org) ในการบริหารจัดสารานุกรมออนไลน์ สามารถ Download มาติดตั้งได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายจากเว็บไซต์ http://www.mediawiki.org/wiki/Download ซึ่งปัจจุบันเผยแพร่เวอร์ชั่นล่าสุด คือ mediawiki-1.13.0

โครงการพัฒนาเว็บไซต์ประเภท Wiki มีหลายภาษาทั่วโลก สำหรับภาษาไทยเองก็มีการพัฒนาเว็บไซต์ประเภท Wiki หลายโครงการ ซึ่งแต่ละโครงการสามารถนำมาใช้เป็นแหล่งเรียนรู้และสร้างกิจกรรมการเรียนการสอนทั้งในระบบชั้นเรียนปกติและในระบบอีเลิร์นนิ่งได้เป็นอย่างดี โครงการที่เป็นเว็บไซต์ประเภท Wiki
ในภาษาไทย ประกอบด้วยเว็บไซต์ ดังต่อไปนี้

วิกิพีเดีย
สารานุกรมเสรี

วิกิตำรา
ตำราและคู่มือ

วิกิคำคม
ที่รวบรวมคำคม สุภาษิต

วิกิซอร์ซ
เอกสารต้นฉบับ

วิกิข่าว
แหล่งข่าวเนื้อหาเสรี

วิกิสปีซีส์
สารบบอนุกรมวิธาน

คอมมอนส์
แหล่งรวบรวมแบ่งปันสื่อ

เมต้าวิกิ
ศูนย์กลางโครงการวิกิมีเดีย

ประโยชน์ของเว็บไซต์ประเภท Wiki ในการจัดการเรียนการสอนแบบอีเลิร์นนิ่ง มีดังนี้

1. Wiki เป็นแหล่งเรียนรู้ของผู้เรียนและผู้สอนในระบบอีเลิร์นนิ่ง เนื่องจาก Wiki เป็นแหล่งรวบรวมเนื้อหาด้านต่าง ๆ โดยผู้เชี่ยวชาญ ผู้รู้ หรือผู้มีประสบการณ์ เนื้อหาต่าง ๆ มีการตรวจสอบโดยผู้เขียนหลายคนร่วมมือกัน ดังนั้น เนื้อหาที่ได้ จึงมีความเป็นไปได้ว่ามีความถูกต้อง สมบูรณ์ ดังนั้น แหล่งข้อมูลในเว็บไซต์ประเภท Wiki จึงสามารถใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งอ้างอิงในการเรียนการสอนแบบอีเลิร์นนิ่งได้

2. ใช้ Wiki เป็นเครื่องมือในการสร้างกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบร่วมมือกัน ทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ได้ เนื่องจากหลักการของ Wiki คือการให้เสรีแก่ผู้ใช้ ในการสร้างและแก้ไขเนื้อหา ในระบบอีเลิร์นนิ่งจึงใช้ Wiki เป็นเครื่องมือในการสร้างกิจกรรมการการเรียนการสอนในรูปแบบต่าง ๆ ได้ เช่น

· Workgroup Assignment - การมอบหมายงานเป็นกลุ่ม

· Project-Based Learning - การเรียนการสอนโดยใช้โครงการเป็นฐาน

· Constructivist Paradigm - การเรียนรู้แบบสรรค์สร้างองค์ความรู้

· Cooperative/Collaborative Paradigm - การเรียนรู้ร่วมกันหรือการเรียนแบบร่วมมือกัน

3. ใช้ Wiki เป็นเครื่องมือในการจัดการองค์ความรู้ในองค์กร ทั้งประเภทองค์ความรู้ประเภท Explicit Knowledge และ Tacit Knowledge รวมทั้งนำไปใช้ในการจัดการองค์ความรู้เฉพาะกลุ่มที่สนใจในด้านเดียวกัน

สำหรับ เท่านั้น: e-Learning, แหล่งเรียนรู้
ภาพประกอบประวัติ
ความหมายของอีเลิร์นนิ่ง (e-Learning)
บุคคลทั่วไป

อีเลิร์นนิ่ง เป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่มีการออกแบบการเรียนการสอนไว้อย่างเป็นระบบ มีวัตถุประสงค์กำหนดไว้อย่างชัดเจน จัดการเรียนการสอนตามหลักการทฤษฎีทางการศึกษา หลักการเรียนการรู้ และจิตวิทยาการศึกษา การถ่ายทอดความรู้ การนำเสนอเนื้อหา จัดกิจกรรมการเรียนการสอนและถ่ายทอดกลยุทธ์การสอน ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นเครื่องมือ ซึ่งปัจจุบันเน้นไปที่การใช้ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก จึงทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงและเรียนรู้โดยไม่จำกัดสถานที่และเวลา เนื้อหาบทเรียนของอีเลิร์นนิ่งจะอยู่ในรูปแบบสื่อผสมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Multimedia) ซึ่งถูกออกแบบไว้ในลักษณะซอฟต์แวร์รายวิชา (courseware) ประกอบด้วยสื่อผสม ได้แก่ ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง และที่สำคัญคือ ผู้เรียนสามารถโต้ตอบกับบทเรียนและผู้สอนได้ การบริหารจัดการระบบอีเลิร์นนิ่งใช้ซอฟท์แวร์ประเภทบริหารจัดการการเรียนรู้ ที่เรียกว่า Learning Management System: LMS ทำหน้าที่ในการบริหารจัดการแทนคนหรือเจ้าหน้าที่อย่างอัตโนมัติเกือบทุกขั้นตอน ตั้งแต่ขั้นตอนการลงทะเบียนเรียนจนถึงขั้นตอนการวัดและประเมินผลการเรียนการสอน

สำหรับ เท่านั้น: e-Learning
ภาพประกอบประวัติ
บรรยากาศการจัดการเรียนการสอนรายวิชา 4000107
บุคคลทั่วไป

ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2550 ผมได้นำร่องทดลองใช้ระบบการเรียนการสอนในระบบ e-Learning YRU จำนวน 2 รายวิชา คือ วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อชีวิต (นักศึกษาหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์ และพัฒนาชุมชน) และรายวิชาการเขียนโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ 1 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนผสมผสานกันระหว่างรูปแบบการเรียนการสอนในชั้นเรียน (Face-to-Face)โดยเน้นวิธีสอนแบบบรรยายสรุป และการเรียนการสอนผ่านระบบอีเลิร์นนิ่ง โดยเน้นให้ผู้เรียนทำกิจกรรมผ่านระบบออนไลน์จากที่ใดก็ได้ ซึ่งกิจกรรมที่กำหนดให้ได้แก่ แบบทดสอบย่อยประจำบท กิจกรรมถาม-ตอบผ่านกระดานเสวนา กิจกรรมมอบหมายงานและส่งงานออนไลน์ ส่วนสื่อการเรีนการสอนในระบบอีเลิร์นนิ่ง ได้แก่ เอกสาร HTML, เอกสารประเภท PDF และเอกสารสไลด์ PowerPoint ผลการจัดการเรียนการสอนจากการสังเกตในเบื้องต้น พบว่า ผู้เรียนมีความสุข ให้ความสนใจ รับผิดชอบในการทำกิจกรรม และไม่รู้สึกเบื่อกับการเรียนการสอนในชั้นเรียน และมีทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์สำหรับการเรียนรู้เพิ่มขึ้น บรรยากาศการเรียนการสอน

e-Leaning รายวิชา 4000107

e-Leaning รายวิชา 4000107

e-Leaning รายวิชา 4000107

 e-Leaning รายวิชา 4000107

 e-Leaning รายวิชา 4000107

 

สำหรับ เท่านั้น: บรรยากาศการเรียน, e-Learning
ภาพประกอบประวัติ
ครู หรือ TEACHERS ยุค ICT
บุคคลทั่วไป

ผมไปพบบทความน่าอ่านเกี่ยวกับครู (Teacher) เห็นว่าน่าจำนำมาใช้ได้กับครูผู้สอนในยุค ICT ที่ใช้ e-Learning YRU สนันสนุนการจัดการเรียนการสอน จึงเอามาฝากครับ ลองอ่านดูนะครับ

คำว่า ครู หรือ "TEACHERS"ในภาษาอังกฤษนั้น ตัวอักษรแต่ละตัวที่ผสมกันจนแแปลความหมายว่า "ครู" นั้นสามารถบ่งบอกถึงหน้าที่และความรับผิดชอบของครูที่ดีได้เป็นอย่างดี ดังนี้

T (Teaching)

หมายถึง ครูต้องมีหน้าที่หลักในการสั่งสอนลูกศิษย์ให้เป็นพลเมืองที่ดีของชาติ เป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบในอนาคต ซึ่ง Gilbert Highet ได้กล่าวไว้ในหนังสือ The Art of Teaching ว่าครูที่สอนดี สอนเก่งต้องมีความรู้ลึกซึ้งในวิชาที่สอน ต้องมีอารมณ์ขัน มีความจำและกำลังใจดี มีลักษณะของผู้นำ เป็นผู้รักเด็ก มีใจเมตตามีความอดทนในการทำงาน เป็นผู้นำมากกว่าที่จะจ้องจับผิด มีความเข้าใจในพัฒนาการของเด็ก และสอนเด็กที่มีความสามารถต่างกันรวมกันได้

E (Ethics)

หมายถึง ครูต้องเป็นผู้ที่มีจริยธรรมมีคุณธรรมประจำใจ มีความประพฤติดี เป็นแบบอย่างที่ดีของศิษย์และสังคมทั่วไปได้ ครูในยุคนี้ถูกตั้งคำถามเรื่องจริยธรรมจากสังคมอาจจะเนื่องจากข่าวคราวที่ไม่ดีของครูบางคนที่ทำให้วงการครูมัวหมอง เช่นเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสม ค้ายาเสพติด ทุจริต เป็นต้น

A (Academic)

หมายถึงครูต้องเป็นนักวิชาการ ต้องแสวงหาความรู้เพิ่มเติมให้กว้างขวางและทันสมัยอยู่เสมอ ทั้งความรู้ทั่วไปและความรู้เฉพาะด้าน เนื่องจากมีความรู้ใหม่ๆเกิดขึ้นเสมอ เช่นเรื่องของนวัตกรรม เทคโนโลยี สภาพสังคมเศรษฐกิจและการเมือง รวมทั้งต้องมีความแม่นยำทางวิชาการอีกด้วย

C (Cultural Heritage)

หมายถึง ครูคือผู้มีหน้าที่ถ่ายทอดทางวัฒนธรรม ได้แก่ วัฒนธรรมอันดีงามซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาติ ครูต้องเป็นผู้ปลูกฝังให้เด็กรักและภูมิใจในวัฒนธรรมของชาติ รวมทั้งเป็นตัวอย่างที่ดีในการรักษาวัฒนธรรมอันดีงามอย่างเคร่งครัดอีกด้วย ฉะนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาของวัยรุ่นที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ เป็นหน้าที่หลักของครูที่จะช่วยชี้แนะ อบรมสั่งสอน ขัดเกลาในแนวทางที่ถูกต้องอย่างเต็มความสามารถ

H (Human Relationship)

หมายถึง ครูต้องเป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานผู้บังคับบัญชา ผู้ปกครอง มวลชนทั่วไป ครูที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีย่อมเป็นที่ยอมรับ ได้รับความร่วมมือในการทำงานจากทุกฝ่าย ดังนั้นจึงประสบความสำเร็จในอาชีพ มีความก้าวหน้าได้โดยไม่ยากนัก

E (Evaluation)

หมายถึง ครูต้องมีความรู้และความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในวิธีการประเมินการเรียนการสอนของตนเอง และผลการเรียนของลูกศิษย์ รู้จักใช้วิธีการประเมินผลที่เหมาะสมและทันสมัย รู้วิธีสร้างแบบทดสอบที่มีความเที่ยงตรงและเชื่อถือได้ เพื่อการวัดผลและเกณฑ์การวัดคะแนนที่เที่ยงตรง เที่ยงธรรม เพราะถึงแม้ครูจะมีความรู้ดี สอนดี สอนเก่ง แต่ขาดวิธีการประเมินผลที่ดีที่เที่ยงตรงอาจเกิดความอยุติธรรมได้เช่นกัน

R (Research)

หมายถึง ครูต้องมีความสามารถทางด้านวิจัย ทั้งวิจัยเบื้องต้นและเบื้องลึก ต้องรู้จักสังเกตตั้งสมมติฐาน การเก็บข้อมูล เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ ตรงกับความต้องการของผู้เรียน เช่น วิจัยเพื่อทราบกิจกรรมเสริมที่เด็กต้องการ วิจัยเรื่องจริยธรรมของครู เป็นต้น

S (Service)

หมายถึง ครูต้องเป็นผู้ให้บริการทางด้านการศึกษา และบริการด้านวิชาการและด้านอื่นๆ แก่สังคมทุกด้านอย่างเต็มความสามารถ เช่น บริการให้คำปรึกษาแก่ลูกศิษย์ แนะนำการศึกษานอกระบบ บริการวิชาการแก่สังคม บริการด้านพัฒนาชุมชนและท้องถิ่น เขียนบทความทางวิชาการ เป็นต้น

อยากให้ครูทุกคนลองสำรวจตนเองดู ว่าเป็นครูที่ดีมากน้อยแค่ไหน และยังขาดคุณสมบัติข้อไหนอีกบ้าง เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงสำหรับการหรือพูดอีกนัยเป็นครูที่ดีอย่างแท้จริง"ครูมืออาชีพ" ไม่ใช่แค่มี "อาชีพครู" เพียงอย่างเดียว 


อ้างอิงจาก http://www.pbn2.obec.go.th/NEWS/teacher1.pdf 

สำหรับ เท่านั้น: TEACHERS, e-Learning